รีเทนเนอร์เป็นเครื่องมือทางทันตกรรมที่ใช้หลังจากการจัดฟันเพื่อรักษาตำแหน่งของฟันให้คงที่ ป้องกันไม่ให้ฟันกลับมาซ้อนเก รีเทนเนอร์มีหลายประเภท แต่ละประเภทมีข้อดี ข้อเสีย และเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน
ประเภทของรีเทนเนอร์:
- รีเทนเนอร์แบบลวด:
- ทำจากลวดโลหะและอะคริลิก
- มีความแข็งแรง ทนทาน
- ยึดฟันได้ดี
- เหมาะกับผู้ที่เพิ่งถอดเครื่องมือจัดฟัน
- ราคาไม่แพง
- ทำความสะอาดง่าย
- อาจรู้สึกไม่สบายปาก
- ไม่สวยงาม
- รีเทนเนอร์แบบใส:
- ทำจากพลาสติกใส
- บางเบา ใส่สบาย
- ใส มองไม่เห็น
- ถอดออกได้ง่าย
- ทำความสะอาดง่าย
- เสียรูปหรือแตกหักได้ง่าย
- ราคาปานกลาง
- รีเทนเนอร์แบบคงที่:
- ติดอยู่กับด้านหลังของฟันด้วยกาว
- มองไม่เห็น
- ไม่ต้องถอดออก
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการคงสภาพฟันระยะยาว
- ทำความสะอาดยาก
- ราคาแพง
- ถอดออกโดยทันตแพทย์เท่านั้น
- รีเทนเนอร์แบบผสมผสาน:
- ผสมผสานวัสดุหลายชนิด เช่น ลวด อะคริลิก และพลาสติก
- ใช้แก้ไขปัญหาเฉพาะทาง
- ทันตแพทย์จะออกแบบให้เหมาะกับแต่ละบุคคล
การเลือกใช้รีเทนเนอร์:
การเลือกใช้รีเทนเนอร์ที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น
- ความต้องการของผู้ใช้งาน: ต้องการรีเทนเนอร์แบบไหน ใส่สบาย มองไม่เห็น ถอดออกได้ง่าย
- ไลฟ์สไตล์: ผู้ใช้งานมีวิถีชีวิตแบบไหน ชอบเล่นกีฬา หรือต้องพูดคุยเยอะ
- งบประมาณ: รีเทนเนอร์แต่ละประเภทมีราคาแตกต่างกัน
- คำแนะนำของทันตแพทย์: ทันตแพทย์จะประเมินความต้องการของผู้ใช้งาน
และแนะนำรีเทนเนอร์ที่เหมาะสม
ตัวอย่างการใช้งานรีเทนเนอร์:
- กรณีทั่วไป: ผู้ที่เพิ่งถอดเครื่องมือจัดฟัน
ควรใส่รีเทนเนอร์แบบลวดหรือแบบใส
เพื่อรักษาตำแหน่งของฟันเป็นเวลา 1-2 ปี - กรณีฟันซ้อนเก: ผู้ที่มีฟันซ้อนเกซ้ำหลังถอดเครื่องมือจัดฟัน
อาจต้องใส่รีเทนเนอร์แบบคงที่
เพื่อรักษาผลลัพธ์ของการจัดฟัน - กรณีมีฟันห่าง: ผู้ที่มีฟันห่าง
อาจต้องใส่รีเทนเนอร์แบบใสที่มีปุ่มยาง
เพื่อดันฟันให้ชิดกัน
การดูแลรักษารีเทนเนอร์:
- แปรงรีเทนเนอร์ทุกวันด้วยแปรงสีฟันและยาสีฟัน
- เก็บรีเทนเนอร์ในกล่องเมื่อไม่ใช้งาน
- ล้างกล่องเก็บรีเทนเนอร์บ่อยๆ
- พบแพทย์เพื่อตรวจเช็ครีเทนเนอร์เป็นประจำ
การใส่รีเทนเนอร์เป็นประจำ
ช่วยให้รักษาผลลัพธ์ของการจัดฟัน
และป้องกันฟันกลับมาซ้อนเก
ปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกประเภทของรีเทนเนอร์
และวิธีการดูแลรักษาที่เหมาะสม